วันจันทร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2560

ภารกิจพิเศษ

วรรณกรรมอีสาน  เรื่อง ท้าวขูลูนางอั้ว

   จัดทำโดย

   
นายคมสัน   สิงหาวาสน์
ชั้นปีที่ 3 หมู่เรียนที่ 1    รหัสนักศึกษา 57210406128
คณะครุศาสตร์ สาขาวิชาภาษาไทย 


เสนอ
อาจารย์วัชรวร   วงศ์กัณหา
รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาวรรณกรรมท้องถิ่น


ภาคเรียนที่ 2   ปีการศึกษา 2559

 มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์




คำนำ
              รายงานวรรณกรรมอีสาน  เรื่องเรื่อง ท้าวขูลูนางอั้ว  ผู้จัดทำได้จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นสื่อในการเรียนการการสอน   ในรายวิชาวรรณกรรมท้องถิ่น  เพื่อให้ผู้ศึกษามีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหามากยิ่งขึ้น และยังทำให้ผู้ศึกษาสามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยชน์
            ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาหาความรู้ในเรื่องดังกล่าวและผู้อ่านสามารถนำมาประยุกต์ใช้และมีการเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสม  รายงานฉบับนี้มีเนื้อหาเข้าใจง่าย ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ศึกษาทุกท่านจะได้รับประโยชน์ และความรู้จากการศึกษารายงานเล่มนี้ไม่มากก็น้อยหากมีข้อบกพร่องประการใด ผู้จัดทำก็ขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วย           
                                                            นายคมสัน     สิงหาวาสน์
                                                                 ผู้จัดทำ



บทที่ 1
สรุปเนื้อหาวรรณกรรมอีสาน เรื่องท้าวขูลูนางอั้ว
ท้าวพรมสีเป็นกษัตริย์ครองนครกาสี มีมเหสีชื่อนางพิมพากาสี มีโอรสชื่อท้าวขูลู ส่วนท้าวปุตตาลาดเป็นกษัตริย์ครองนครกาย   มีมเหสีชื่อนางจันทา มีธิดาชื่อนางอั้ว  กษัตริย์ทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมน้ำสาบานกันต่างให้สัญญากันว่าจะให้โอรสและธิดาแต่งงานเป็นทองแผ่นเดียวกัน  เมื่อท้าวขูลูเป็นหนุ่มแล้วมารดาจึงแต่งเครื่องบรรณาการให้เพื่อนำไปหมั้นหมายนางอั้ว การพบกันครั้งนี้แม้จะเป็นครั้งแรกท้าวขูลูนางอั้วต่างก็พอใจรักใคร่กันจนลักลอบได้เสียกัน  และต่างทราบว่าจะแต่งงานกันในไม่ช้า ท้าวขูลู จึงลากลับเพื่อเตรียมการแต่งงาน ในช่วงนี้เองขุนลางกษัตริย์ผู้ครองเมืองขอมได้มาหลงรักนางอั้วทั้งๆ ที่ตนเป็นคนแก่แล้ว ได้ส่งของกำนัลมาให้มารดาของนางอั้วบ่อยๆ จนกระทั่งนางพอใจออกปากยกลูกสาวคือนางอั้วให้ นางอั้วไม่ยอมจึงถูกมารดาดุด่าทุบตี ท้าวขูลูได้ทราบข่าวจึงมาทวงสัญญา มารดาของนางอั้วบ่ายเบี่ยงไม่ยอมยกให้แต่งงานกับท้าวขูลู แต่เพื่อไม่ให้เสียสัญญา และเกิดศึกสงคราม นางจึงให้ทำพิธีเสี่ยงทายสายแนน ขุนลางเป็นผู้ชนะ  ท้าวขูลูจึงกลับไปด้วยความเสียใจปานจะสิ้นชีวิต แต่ก็พยายามมาหานางอั้วบ่อยๆ  ส่วนมารดานางอั้วนั้นได้รวบรัดจะให้นางอั้วแต่งงานกับขุนลางโดยเร็ว  นางอั้วหาทางแก้ปัญหาชีวิตไม่ได้จึงผูกคอตาย ก่อนตายได้อธิษฐานขอให้ได้ครองรักกับท้าวขูลูบนสวรรค์   ท้าวขูลูทราบข่าวการตายของนาง จึงฆ่าตัวตายตามไปอีกคน

1. ที่มา

วรรณกรรมอีสาน เรื่องท้าวขูลูนางอั้ว  เป็นวรรณกรรมพื้นบ้านประเภทร้อยกรอง  ซึ่งนักปราชญ์อีสานในสมัยโบราณได้แต่งไว้    แต่ไม่ทราบว่าแต่งขึ้นในสมัยไหน  และใครเป็นผู้แต่ง   เพียงแต่มีการสืบทอดและคัดลอกกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ    

สำหรับต้นฉบับวรรณคดีอีสานเรื่องขูลูนางอั้ว แต่เดิมเป็นตัวธรรม มี 4 ผูก จากนั้น คุณเจือ สืบแก้ว ได้ขอให้พระท่านลอกให้ โดยการจัดทำเป็นหนังสือของวัดน้ำคำแดง ต.เตย อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี ซึ่งการคัดลอกนั้นปรากฏว่าผู้คัดลอกจะอ่านตัวธรรมไม่ค่อยได้ ข้อความบางแห่งจึงผิดพลาดไปจากความจริง จากนั้น ท่าน ดร. ปรีชา พิณทอง จึงได้ชำระหรือปริวรรตใหม่ ซึ่งท่านได้รับความอนุเคราะห์จาก คุณเจือ สืบแก้ว ที่อนุญาตให้คัดลอกและเรียบเรียงให้เข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ผู้ศึกษาจึงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญและได้เลือกวิเคราะห์วรรณกรรมอีสาน เรื่อง ขูลูนางอั้ว ฉบับของ ท่าน ดร. ปรีชา พิณทอง มาใช้ในการศึกษาครั้งนี้

 

ผู้แต่ง  ไม่ปรากฏ

ผู้เรียบเรียง  ดร. ปรีชา พิณทอง

สำนักพิมพ์  โรงพิมพ์ศิริธรรม

ปีที่พิมพ์  2524



บทที่ 2

วิเคราะห์เนื้อเรื่อง

2. การวิเคราะห์เนื้อเรื่อง

ชื่อเรื่อง 
            ชื่อเรื่อง  ท้าวขูลูนางอั้ว ”  มีที่มาจากชื่อตัวละครเอกของเรื่อง ท้าวคูลู ซึ่งเป็นตัวพระของเรื่อง 
และ  นางอั้ว  ซึ่งเป็นตัวนาง  ที่ปรากฏในตัววรรณกรรมพื้นบ้าน  ซึ่งผู้แต่งเน้นให้เห็นความสำคัญของตัวละครเอกของเรื่อง

      2.1  " วรรณกรรมอีสานท้าวขูลูนางอั้ว "

       - ท้าว (น.) หมายถึง ผู้เป็นใหญ่ , เจ้าแผ่นดินคำนำหน้าชื่อเจ้าเมืองเช่นท้าวขูลู , ท้าวขุนลาง เป็นต้น (ราชบัณฑิตยสถาน , ๒๕๕๔ : ๕๖๖ )

       - ขูลู  เป็นชื่อเจ้าเมืองแห่งนครกาสี เป็นบุตรของท้าวพรมสี กับนางแก้วเทวี เช่น “ แล้วจิ่งใส่ชื่อน้อยเจ้าอ่อนกุมารโฉมสัณฐ์คือ ดั่งอินทร์ลงแต้มชื่อวาขูลูน่อย " (ปรีชา พิณทอง , 2524 : 2)

       - นาง (น.) เป็นคำประกอบหน้าคำเพื่อแสดงว่าเป็นเพศหญิง เช่น 

นางอั้ว (ราชบัณฑิตยสถาน , ๒๕๕๔ :๖๑๙ )

       - อั้ว เป็นชื่อของลูกสาวเมืองกายนคร เป็นบุตรของท้าวปุตตาลาด กับนาจันทา  เช่น “แล้วจิ่งหานามใท้กุมารีเป็นชื่ออั้วเคี่ยมน้อยงามย้อยดั่งเขียน” (ปรีชา พิณทอง , 2524 : 8)

        ดังนั้น นิทานเรื่อง “ ท้าวขูลูนางอั้ว” จึงมาจากชื่อของตัวละครเอกของเรื่อง  คือ ตัวพระ และ ตัวนางของเรื่อง ที่ปรากฏไว้ในตัวบท ดังที่ได้ยกตัวอย่างไปข้างต้น เพราะผู้แต่งต้องการเน้นย้ำให้ผู้อ่านเห็นความสำคัญและมองเห็นถึงลักษณะพิเศษของตัวละครเอกทั้ง 2 ตัว



3. โครงเรื่อง

 

แก่นเรื่อง
ที่ใดมีรัก  ที่นั้นจะไม่มีทุกข์  ถ้าหากเราเปิดใจฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน

โครงเรื่อง
เปิดเรื่อง  โดยการกล่าวถึงบ้านเมืองและการปกครองของเมืองกาสี  และ เมืองกายนคร  ซึ่งเป็นบ้านพี่เมืองน้อง  ผูกมิตรไมตรีต่อกัน 

การดำเนินเรื่อง
  ๑. นางอั้วนั้นมีรูปโฉมที่งดงามเลื่องลื่อไปไปไกลยังหัวเมืองต่างๆ
 ๒. ขูลูเห็นนางอั้วแล้วหลงรัก  จึงได้ตามนางมาที่ปราสาท  ทั้งสองพลอดรักกัน  และได้เสียกัน
 ๓. ขูลูเดินทางกลับบ้านเมืองของตนเพื่อให้พระมารดามาสู่ขอนางอั้วให้แก่ตน
 ๔. ขุนลางเข้ามาเป็นมือที่สามระหว่างความรักของท้าวขูลูกับนางอั้ว
  ๕. นางอั้วถูกนางจันทราบังคับให้แต่งงานกับขุนลาง เพราะว่าขุนลางส่งเครื่องราชบริพานมาเป็นจำนวน        มาก
 ๖. เมื่อนางจันทราทำผิดสัญญา  นางแก้วเทวีจึงแค้นใจมาก  จึงได้คิดที่จะทำสงครามเพื่อที่จะชิงตัวนางอั้วมาให้กับขูลูผู้เป็นบุตรชายของตน
 ๗. ท้าวขูลูกลับไปหานางอั้วและท้าทำสงคราม ถ้าหากนางอั้วต้องตกเป็นเมียของขุนลาง 
 ๘. นางอั้วเกิดคาวมทุกข์ใจมาก  จึงตัดสินใจผูกคอตาย ใต้ต้นจวงจันทน์ ในป่าอาถรรพ์ 
  ๙. เมื่อนางจันทาทราบข่าวว่านางอั้วตาย ก็รู้สึกผิดและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
 ๑๐. หลังจากนั้นนางจันทาก็ได้ส่งสาร  ไปยังเมืองกาสีนคร เพื่อแจ้งให้ขูลูมาร่วมในพิธีงานศพของนางอั้ว
  ๑๑. เมื่อท้าวขูลูทราบข่าวเรื่องว่านางอั้วตาย   จึงตัดสินใจใช้พระขรรค์เชือดคอตนเองตายตามนางอั้วไปในที่สุด

ปิดเรื่อง
          ปิดเรื่องด้วยการคลายปมเหตุการณ์ที่ได้เคยทะเลาะกันของทั้งสองเมือง   หลังจากนั้นทั้งสองเมืองก็ได้กลับมารักใคร่และมีไมตรีต่อกันเหมือนเดิม



4. ตัวละคร บุคลิกของแต่ละตัว

 

                  1) ขูลู  เป็นผู้ชายที่มีรูปร่างหน้าตาดี มีเสน่ห์ ราวกับเทพบุตรเทวดา เป็นผู้มีใจรักเดียว และซื่อสัตย์ในความรัก ยอมตายตามคนที่รักได้อย่างกล้าหาญ ดังปรากฏในเนื้อเรื่องดังนี้

             2) นางอั้ว  เป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม  อรชอนอ้อนแอ้น  ผิวพรรณเปล่งปลั่งสวยงาม เป็นที่หมายปองของชายต่างเมือง มีนิสัยหยิ่งทระนง เชื่อมั่นในความรัก  รักใครรักจริง รักเดียวใจเดียว และเป็นหญิงสาวที่มีความกล้าหาญยอมเสียสละชีวิตเพื่อให้ปัญหาทุกอย่างจบลง ดังปรากฏในเนื้อเรื่อง ดังต่อไปนี้

                3)  ขุนลาง  เป็นชายมีอายุ ร่ำรวยเงินทอง ช่างเอาอกเอาใจ และหลงรักนางอั้วถึงขั้นสละทุกอย่างแทนได้

 4)  นางจันทา  เป็นพระมารดาของนางอั้ว มีลักษณะนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้น  หลงระเริงในทรัพย์สิน  ไม่ยอมฟังเหตุผลของลูก ดังปรากฏตัวย่างในเนื้อหา ดังนี้

               5)  นางแก้วเทวี  เป็นพระมารดาของท้าวขูลู มีนิสัยตระหนี่ขี้เหนียว  เป็นผู้เชื่อมั่นในสัจจะสัญญา  รักษาคำพูดของตนเอง


5. การใช้ภาษา

     ภาษาถิ่นที่มักใช้เป็นภาษาถิ่น 2 ลักษณะ คือ
1) เขียนให้มีเลียงใกล้เคียงกับภาษาถิ่น
2) ใช้คำศัพท์ที่ใช้ในท้องถิ่นหรืออยู่ในชีวิตประจำวัน มีทั้งคำนาม สรรพนาม คำกิริยา คำวิเศษณ์ และคำเชื่อม คำภาษาถิ่นจะเป็นเครื่องบ่งชี้ให้ทราบว่าวรรณกรรมที่พบเป็นวรรณกรรมของถิ่นใด ปกติภาษาถิ่นต่าง ๆ มีความแตกต่างกัน 2 ระดับ คือ ระดับหน่วยเสียงและระดับคำความแตกต่างในระดับโครงสร้างประโยคมีน้อยมาก



บทที่ 3
ความโดดเด่นของเนื้อหา

1. ความโดดเด่น
            วรรณกรรมอีสานเรื่อง ท้าวขูลูนางอั้ว เป็นวรรณกรรมที่มีชื่อเสียงและโด่งดังมาก โดยเฉพาะความโดดเด่นทางด้านเนื้อหา เพราะเป็นเรื่องโศกนาฏกรรมรักที่ผิดหวัง หากดูผิวเผินอาจจะมองว่า เรื่อง ขูลูนางอั้ว เป็นเรื่องของคนสิ้นคิด แต่ถ้าวิเคราะห์เนื้อเรื่องอย่างละเอียดเเล้ว จะทราบว่าเนื้อเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องราวความรักที่แสนจะเจ็บปวดเกินพรรณนา เป็นความเสียสละและความกล้าหาญของผู้หญิงคนหนึ่งที่สามารถปริดชีพตัวเองได้เพียงเพราะคำว่า "รัก" คำเดียว และเรื่องราวทั้งหมดจึงกลายเป็นที่มาของคำว่า "ขูลู นางอั้ว ตำนานรักอมตะของภาคอีสาน" ที่ถูกสืบทอดเล่าขานกันมาจากรุ่นสู่รุ่น

7. ฉากและสถานที่
7.1 ฉากหลัก
- ต้นจวงจันทน์  เป็นต้นไม้สำคัญที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ซึ่งจะมีอยู่ 2 ต้น ต้นแรกเป็นของพระอินทร์ปลูก นางอั้วจึงฆ่าตัวตายใต้ต้นนี้ไม่ได้ ส่วนต้นที่สองเป็นต้นไม้ที่พวกผีพลายปลูก นางอั้วจึงขออ้อนวอนให้ต้นจวงจันทน์โน้มกิ่งลงมา จากนั้นนางจึงฆ่าตัวตายได้สำเร็จ  ซึ่งลักษณะของต้นจวงจันทน์ที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง มีดังตัวอย่างต่อไปนี้

ตัวอย่างต้นจวงจันทน์ที่พระอินทร์ปลูก
บ่มีพัดป่าไม้                       คนิงน้อยหน่อเมือง
อันหนึ่งพระอาทิตย์ย้าย   พ้นเขตเขาทอง
ดูตระการบด                      จวงหอมอินทร์ปลูก
นางจิ่งหักดอกไม้              เทียมพริอมคู่กัน

ตัวอย่างต้นจวงจันทน์ที่ผีพลายปลูก
นางบ่มีนานแท้                 ไปเถิงเฮวฮีบ
เถิงที่ไม้                            จวงดั้วยอดยาว
ที่นั้นมีพลานกว้าง            สวนเพียงเฮียงฮาบ
เคมฝั่งน้ำ                          วังกว้างส่องใส
นางแพงน้าว                     มาลาเฮวฮีบ
เทียนคู่พร้อม                    ยกไหว้กล่าวกลอน


- สวนอุทยาน  เป็นที่พักของนางอั้วซึ่งพระบิดาของนางอั้วเป็นผู้สร้างให้ก่อนจะสิ้นใจ สวนอุทยานแห่งนี้อุดมไปด้วยความสวยงามของพืชพรรณนานาชนิด ดังปรากฏในตัวอย่างต่อไปนี้

ตัวอย่าง
พระก็จำเขาสร้าง          อุทยานสวนดอก
สัพพะสิ่งไม้                   ในหั้นดอกบาน
มีทังสระใหญ่กว้าง       ดวงดอกบูชา
บัวคำบาน                      แบ่งกอสะพังกว้าง


7.2 ฉากรอง
- เมืองกาสี  เป็นบ้านเมืองของท้าวขูลูซึ่งขึ้นปกครองบ้านเมืองแทนพระบิดาที่สิ้นชีพไป ซึ่งเมืองกาสีนั้น ถือว่าเป็นเมมืองที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้านข้าวปลาอาหารนานาชนิด
- เมืองกายนคร  เป็นบ้านเมืองของอั้ว ซึ่งนางได้อยู่กับพระมารดาตามลำพังเพราะพระบิดาได้สิ้นชีพจากไป





บทที่ 4
การนำไปประยุกต์ใช้

8. การนำไปประยุกต์ใช้
8.1 การพัฒนาต่อยอดเป็นหมอลำ
- ลำพื้น  นิทานเรื่องขูลูนางอั้ว   (ตอน ขูลู)
- หมอลำเรื่อง ขูลูนางอั้ว คณะอีสานอินคอนเสิร์ต



หมอลำเรื่อง ขูลูนางอั้ว คณะระเบียบวาทะศิลป์

- หมอลำเรื่อง ขูลูนางอั้ว คณะขวัญใจกาฬสินธุ์

8.2 การสร้างบทละครเรื่อง ขูลู-นางอั้ว โดยใช้ขนบละครพันทาง

8.3   คณะสรภัญญะ เรื่องขูลูนางอั้ว บ.โคกนิยม ต.วังชมภู อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ


8.4  ละครเวทีประเพณีภาษาไทยมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์  เรื่อง อั้วเคียม
Infographic : วรรณกรรมอีสานท้าวขูลูนางอั้ว



นายคมสัน    สิงหาวาสน์   ชั้นปีที่  3    หมู่ที่  สาขาวิชาภาษาไทย    รหัส 57210406128


เนื้อเพลงจากวรรรกรรมท้องถิ่นเรื่อง " ท้าวขูลูกับนางอั้ว "



เพลงอาลัย  ขูลู นางอั้ว

ทิ้งตัวลงบนพื้นธรณี
ดับสิ้นแล้วชีวีอายุไข
จากกันแล้วแก้วน้อยกลอยฤทัย
อั้วสิ้นใจอ้ายสิ้นฮักจากกัน

อั้วเอย.......เจ้าอั้วเอ๋ย
อั้วเอย.......เจ้าอั้วเอ๋ย
อั้วเอย.......เจ้าอั้วเอ๋ย

เจ้าอั้วเอยไหนเลยมาด่วนดับ
อั้วลาลับโลกไกลไปสวรรค์
จากกันแล้วชาตินี้ชีวัน
รักนิรันดร์ชาติหน้าถ้ามีจริง



นายคมสัน    สิงหาวาสน์    ชั้นปีที่  3  หมู่ที่ 1  สาขาวิชาภาษาไทย    รหัส  57210406128

วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560


ภารกิจที่ ๓/๑   ปริศนาคำทาย  (  ภาษาถิ่น ผุ้ไท  เขาวง   อำเภอเขาวง  จังหวัดกาฬสินธุ์ )

1. อารัมบท/ส่วนรวม
2. เป็นส่วนบอกสมญา
3. พรรณนาลักษณะ          
4. จุดบอด/จุดสะดุดใจ 
5. สรุป/ขมวด       
6. ส่วนเฉลย 



 อวัยวะคน
๑. เผลอ  มิใหญ่มิกว้างแต่บังโลกได้เบิ๊ดโนย  ( หน่วยตา ) 
                  1                2                      3                5                 6
 เผลอ    มิใหญ่มิกว้าง    แต่บังโลกได้    เบิ๊ดโนย    ( ตา ) 
๒. เผลอ  ตัดเง้ากะมิตายตัดปลายกะมิเน่า  ( ผม )
                 1         2          4             2               5             6
เผลอ  ตัดเง้า  กะมิตาย   ตัดปลาย   กะมิเน่า   ( ผม )
๓. เผลอ  อยู่มิเค้ออยู่มิไกลเหลวไปเห็นลางๆ  ( หูดัง )
                   1        2             3             4                  5                 6
เผลอ  อยู่มิเค้อ   อยู่มิไกล    เหลวไป   เห็นลางๆ   ( จมูก )
๔. เผลอ  เองซ้ายเองขวา  เหลวหากะมี้เห็น  บานๆเบิ่งตะเง็น  เหลวมี้เห็นได้หงินแต่ดสียง ( หู )
 1                   2                            3                              2                       4                     5               6
 เผลอ     เองซ้ายเองขวา     เหลวหากะมี้เห็น     บานๆเบิ่งตะเง็น    เหลวมี้เห็น  ได้หงินแต่สียง ( หู )
๕. เบอเผลอ   อยู่หีบน้อยๆ    ผ้าผืนน้อย  ตากไว้กะมี้แห้ง  ( ลิ้น )
  1                  2                        3              4               5           6
เบอเผลอ   อยู่หีบน้อยๆ    ผ้าผืนน้อย     ตากไว้    กะมี้แห้ง  ( ลิ้น )
 


พืช
๑.เผลอ  ห้อยอยู่เต้มหลัก  เบอหยักๆ เต็มหลักท้อแก่นสีเขียว  ( มะหุ่ง )
                 1                  2                     3                4                    5                 6         
                 เผลอ  ห้อยอยู่เต้มหลัก  เบอหยักๆ เต็มหลัก    ท้อแก่นสีเขียว  ( มะละกอ )


๒. เผลอ ซิเปอะเห็นหน  ดึงจนเบิ๊ดหนจั่งเห้นเม็ด  ( ข้าวโพด )
             1                  2                         4                   5                    6    
เผลอ    ซิเปอะเห็นหน     ดึงจนเบิ๊ดหน    จั่งเห้นเม็ด  ( ข้าวโพด )
๓. เผลอ  ต้นฮาวนิ้ว  เบอมนๆ วันพระคน  เอาดอกมาไหว้  ( ดอกบัว )
             1              2              3                    4                         5                      6
เผลอ  ต้นฮาวนิ้ว    เบอมนๆ     วันพระคน      เอาดอกมาไหว้     ( ดอกบัว )
๔. เผลอ   เบอยาวฮาวกะดาน   เอาะลุฮ้านจุ้มเดียว       ( กล้วย )
             1              2              3                      4                    5                     6
            เผลอ     เบอยาว   ฮาวกะดาน   เอาะลุเต็มฮ้าน    จุ้มเดียว           ( กล้วย )
๕. เผลอ   เกิดมาเป็นสีขาว  ตอนเป็นผู้สาว   สีเขียว    บาดเค้อเยอะเหี่ยวเป็นสีแดง  ( มะขิด )
              1               2                              3                                   4                            5             6  
            เผลอ   เกิดมาเป็นสีขาว    ตอนเป็นผู้สาวสีเขียว     บาดเค้อเยอะเหี่ยว    เป็นสีแดง  ( พริก )



สัตว์
๑. เผลอ  สองแหนข้างตาแปดหาพาย้าง  ( กะปู )
              1             2              3               4             5         6
เผลอ  สองแหน     ข้างตา    แปดหา    พาย้าง  ( ปู )
๒. เผลอ  หว่านแห่อยู่เทิงฟ้า  ถ้าดักแมงไม้ ( แมงมุม )
             1           2                   3           4            5                6 
เผลอ  หว่านแห่    อยู่เทิงฟ้า  ถ้าดัก    แมงไม้    ( แมงมุม )
๓. เผลอ  ยามนอนเอาหัวลงขี้ดิน เอาตีนชี้หึ้นฟ้า  ( ค้าวคาว )
             1              2               3                     4             5                 6
เผลอ   ยามนอน   เอาหัวลงขี้ดิน   เอาตีน   ชี้หึ้นฟ้า    ( ค้าวคาว )
๔. เผลอ  สี่ตีนย้างมา ผัดมุงหลังคาเป็นหนาม  ( เม่น )
               1        2           3              4                      5                6
เผลอ  สี่ตีน    ย้างมา    ผัดมุงหลังคา     เป็นหนาม  ( เม่น )

๕. เผลอ  ยามกลางเง็นอยู่ถ้ำ  ยามค้ำผัดเอาะฮ้อง  ( กั๊บแก้ )
            1            2                       3             4                  5                  6
เผลอ  ยามกลางเง็น     อยู่ถ้ำ     ยามค้ำ      ผัดเอาะฮ้อง    ( ตุ๊กแก )


สิ่งของ  เครื่องมือเครื่องใช้
๑.เผลอกินเฮ้าทางก้น  คายเอาะทางปะ   (ปืน)
              1               2             3             4                5           6 
เผลอ       กินเฮ้า     ทางก้น    คายเอาะ    ทางปะ    (ปืน)
๒. นกเผลอ  มิได้หามิได้ปิ  แต่ฮ้องเสียงดัง  ( นกหวีด )
                1                2                3                  5                     6
นกเผลอ     มิได้หา       มิได้ปิ    แต่ฮ้องเสียงดัง    ( นกหวีด )
๓. เผลอ  ได้ฟันบักหลาก  กินได้แต่เส้น  ( หวี )
                1          2          3                4          5           6
            เผลอ  ได้ฟัน    บักหลาก  กินได้   แต่เส้น  ( หวี )
๔. เผลอ  ยกตีนห้ามหัว  เอากะโตลอดได้  ( มุ้ง )
            1            2            3              4             5             6
            เผลอ  ยกตีน    ห้ามหัว    เอากะโต   ลอดได้  ( มุ้ง )
๕. เผลอ  ลูกจัญไร  แทงได้แถแก่นแม่  ( ลูกกุญแจ )
            1           2         3        4                 5                6
            เผลอ  ลูก   จัญไร   แทงได้     แถแก่นแม่  ( ลูกกุญแจ )



ดินฟ้าอากาศ  / ธรรมชาติ
๑.เผลอ เบิดคืนมี้หูจักนอน  บัดยามเยอะนอนผัดนอนตอนแดดเอาะ  ( ดาว )
              1                    2                            3                           4                     5                6
            เผลอ    เบิดคืนมี้หูจักนอน   บัดยามเยอะนอน      ผัดนอนตอน     แดดเอาะ     ( ดาว )
๒. เผลอ หว่านเหลืองเต็มขี้ดิน  เก็บกินกะมี้ได้  ( แสงตะเง็น )
               1             2                    3              4               5                6
            เผลอ    หว่านเหลือง    เต็มขี้ดิน     เก็บกิน     กะมี้ได้  ( แสงอาทิตย์ )
๓. เผลอ เพอไปกะฮ้องแม่  เพอมากะฮ้องแม่  ( แม่น้ำ )
            1             2                3                  4               5             6 
เผลอ     เพอไป    กะฮ้องแม่   เพอมา      กะฮ้องแม่  ( แม่น้ำ )
๔. เผลอ  สูงโท้มหัว  กะโตกะใหญ่  บาดย้างหึ้นไปผัดต่ำกว่าหญ้า  ( ภูเขา )
              1                2                 3                         4                        5                 6
เผลอ  สูงโท้มหัว  กะโตกะใหญ่    บาดย้างหึ้นไป     ผัดต่ำกว่าหญ้า  ( ภูเขา )
๕. เผลอ   คับเบ็ดเจ็ดสี  ถ้าซี้มือด้วน  ( รุ้งกินน้ำ )
              1               2         3          4           5                   6
            เผลอ   คับเบ็ด    เจ็ดสี     ถ้าซี้      มือด้วน  ( รุ้งกินน้ำ )



อาหาร
๑.เผลอ  เอามาโน่ยเดียว   ตีลงได้วงที่สอง   ซื้อฮ้องอยู่เทิงฟ้า  (ไข่ดาว )
 1                 2                       3                          4               5               6
เผลอ    เอามาโน่ยเดียว   ตีลงได้วงที่สอง   ซื้อฮ้อง     อยู่เทิงฟ้า     (ไข่ดาว )
๒.  เผลอ  ตัดทางหน้าเห็น นม  ตัดทางหลังเห็นขน   (ขนม)
              1               2                   3             4                     5         6
เผลอ  ตัดทางหน้าเห็น   นม    ตัดทางหลังเห็น     ขน   (ขนม)
เผลอ  แก้ผ้าลงขี้ตม   แล้วจ่มลงน้ำสีเหลือง (กล้วยทอด)
              1           2          3            4                     5                    6
            เผลอ  แก้ผ้า   ลงขี้ตม   แล้วจ่ม      ลงน้ำสีเหลือง   (กล้วยทอด)
. เผลอ  หีบน้อยห่อขี้หิน  บัดเยอะกินแล้วจั่งเตาะ (ไข่)
              1              2             3              4                  5                 6
             เผลอ   หีบน้อย   ห่อขี้หิน  บัดเยอะกิน  แล้วจั่งเตาะ    (ไข่)
. เผลอ  คอกิว สองกลีบ หนีบเดียวเซอกล้วย (ข้าวต้มมัด)
             1          2           3                4                  5                6
เผลอ  คอกิว  สองกลีบ   หนีบเดียว  เซอกล้วย   (ข้าวต้มมัด)



กิจกรรม  การเล่น  นันทนาการ
๑.เผลอ สี่มุมสี่แหง่ สี่แคร่เป็นจัตุรัส ผู้คนแออัด  ฟันกันเดียวตายเหลือแต่นายสองคน ( หมากรุก)

  1               2                     3                    4                                  5                                           6
เผลอ   สี่มุมสี่แหง่   สี่แคร่เป็นจัตุรัส   ผู้คนแออัด   ฟันเดียวตายเหลือแต่นายอยู่สองคน  ( หมากรุก)

๒. เผลอ  โปงไปฮั้น  โปงไปนี้  นั่งเก้าอี้โตเดียว  ( ลิเก )
              1               2              3            4            5           6
เผลอ  โปงไปฮั้น  โปงไปนี้  นั่งเก้าอี้   โตเดียว  ( ลิเก )

๓.เผลอกระโดดไปกระโดมา ผัมซูนมา   กะตาย  ( กระโดดยาง )
              1               2                3                  4            5                6
เผลอ   กระโดดไป  กระโดมา  ผัมซูนมา   กะตาย  ( กระโดดยาง )              
๔.  เผลอ เสี่ยงหึ่งๆ  คือจังผึ้งบานมา  ตำซ้ายตำขวา  กระดอนหน้ากระดอนหลัง  ( ลูกข่าง )
                   1            2                  3                            4                                  5                           6
              เผลอ   เสี่ยงหึ่งๆ     คือจังผึ้งบานมา    ตำซ้ายตำขวา    กระดอนหน้ากระดอนหลัง  ( ลูกข่าง )
๕. ซมรมเผลอ  จั่งหล่ะย้าย  ซมรม  จิ๊กซอ ( ซมรมดนตรีไทย )
                     1                    2              3            5                 6
               ซมรมเผลอ  จั่งหล่ะย้าย  ซมรม   จิ๊กซอ   ( ซมรมดนตรีไทย )


ความเชื่อ  ประเพณี
๑.เผลอ  ปั้นๆเห้อมันแข็ง  แล้วกะแทงเฮ้าวางหา (นุ่งโจงกระเบน)
              1          2             3                  4                     5                  6
            เผลอ  ปั้นๆ   เห้อมันแข็ง  แล้วกะแทง    เฮ้าวางหา   (นุ่งโจงกระเบน)
๒.เผลอยามเฮ้าผัดแปด   ยามเอาะผัดสิบเอ็ด ( เข้าพรรษา )
                1           2              3             4               5                       6
เผลอ   ยามเฮ้า   ผัดแปด   ยามเอาะ   ผัดสิบเอ็ด     ( เข้าพรรษา )
๓. เผลอ  แห่ข้าวพันก้อน  ตอนเซ้าฟังเทศ   ( บุญเผวส )
              1            2           3               4           5                  6
            เผลอ  แห่ข้าว   พันก้อน  ตอนเซ้า   ฟังเทศ   ( บุญเผวส )
๔.  เผลอ เทิงหัวได้หนาม  ถามเสลอกะมี้ตอบ  ( พระพุทธรูป )
              1          2                3             4                  5               6
            เผลอ   เทิงหัว    ได้หนาม  ถามเสลอ    กะมี้ตอบ  ( พระพุทธรูป )           
๕. เผลอ เทิงใหญ่เทิงยาว  จ้าวหึ้นเมิงฟ้า  เหื้อพญาขอฝน  (บุญบั้งไฟ )
             1             2                 3                 4                       5                     6
            เผลอ   เทิงใหญ่     เทิงยาว  จ้าวหึ้นเมิงฟ้า    เหื้อพญาขอฝน  (บุญบั้งไฟ )


ความสัมพันธ์ทางสังคม  ครอบครัว  บุคคล
 ๑. เผลอ  เหลืองคือจังอีเก้ง ฮ้องเพลงกินขนม (พระ)
            1             2               3               4                5            6
เผลอ   เหลือง   คือจังอีเก้ง   ฮ้องเพลง    กินขนม   (พระ)
๒. คนเผลอแฮงเอ็ดไปแองถอยหลัง (คนทำนา)
               1                2               3            5            6
            คนเผลอ   แฮงเอ็ดไป   แอง   ถอยหลัง   (คนทำนา)
๓. เผลอ มี้ได้ปิ  มี้ได้หน  ย้างมาเป็นคนผัดบินได้  (  พระบิณฑบาท )
               1          2              3                4                      5                    6 
            เผลอ   มี้ได้ปิ     มี้ได้หน    ย้างมาเป็นคน   ผัดบินได้  (  พระบิณฑบาท )
๔. คูเผลอได้ปากกาด้ามเดียว  (คูวันเพ็ญ )
                1         2        3              5                   6
            คูเผลอ   ได้    ปากกา   ด้ามเดียว    (คูวันเพ็ญ )
๕. เผลอสี่หาสองหาง  คนย้างนำก้น  ( คนไถนา )
                   1        2         3               4             5                6
เผลอ   สี่หา   สองหาง    คนย้าง     นำก้น  ( คนไถนา )